ช่วงนี้ไปทางไหนหลายมหาวิทยาลัยก็ได้ยินแต่เสียงเฮเสียงบูม ร่วมแสดงความยินดีกับเหล่ารุ่นพี่บัณฑิตที่ตบเท้าเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรกันเป็นแถว นำพาความปลื้มปิติไปถึงกลุ่มญาติสนิทมิตรสหายและบรรดาครอบครัวที่เดินทางมาร่วมถ่ายรูปแสดงความยินดีอย่างตลอดสาย
เอาล่ะ! ไหนๆ ก็ถึงวันแห่งเกียรติยศของชีวิตทั้งที แม้จะเหน็ดเหนื่อยเหงื่อตกกับอากาศร้อนขนาดไหนก็ตาม แต่เหล่าบัณฑิตทุกคนก็ยังคงยิ้มสู้กล้องชนิดนางงามยังอาย ฉะนั้นองค์ประกอบสำคัญของวันนี้ สิ่งหนึ่งจึงหนีไม่พ้นเรื่องของการตระเตรียมใบหน้าและการแต่งหน้าให้เหมาะสมกับวันรับปริญญา
ว่าแล้วว่าที่บัณฑิตทั้งหลายก็ลองติดตามเทคนิคการแต่งหน้าวันรับปริญญาที่เราเอามาฝากกันดู
เริ่มต้นที่ความเข้าใจกันก่อนเลยว่า สำหรับวันนี้ “เราควรแต่งหน้าให้ดูบางเบาเป็นธรรมชาติที่สุด” ควรจะทำให้ดูสวยสมวัยไม่ดูแก่ในสายตาของผู้ที่มาแสดงความยินดี แต่ต้องไม่อ่อนจนถ่ายรูปออกมาแล้วดูจืดสนิทเหมือนไม่แต่งหน้าเลย จากนั้นก็ต่อด้วยสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ คือเรื่องของครีมกันแดดที่จำเป็นต้องทาไว้ป้องกันผิวหนังคล้ำและทำให้เมคอัพติดทนนานได้
ส่วนเมคอัพที่ต้องติดทนนานตลอดทั้งวันนั้น คือ จะต้องนับตั้งแต่เช้ามืดที่ลุกขึ้นมาแต่งหน้าไปจนถึงช่วงถ่ายรูปกลางแดดจัดจนกระทั่งถึงตอนงานพิธีในห้องประชุม การที่เราต้องสลับการเดินเข้าๆ ออกๆในที่ร่มและกลางแจ้งแบบนี้ทำให้การดูแลเมกอัพเป็นเรื่องยาก ควรจะซับมันบ้าง
กลับมาเรื่องของการแต่งหน้าเน้นดูเป็นธรรมชาติ คือการที่แต่งโดยไม่ต้องเน้นสีสันหรือแต่งหน้าแนวแฟชั่นอย่าเลือกสีรองพื้นหรือแป้งที่เข้มหรืออ่อนกว่าผิวจริง เพราะเวลาถ่ายรูปจะดูหลอกหน้าลอย อย่าลืมลงรองพื้นหรือทาแป้งที่ลำคอด้วย
โดยเราต้องเลือกรองพื้นแบบกันน้ำ หรือแบบที่ติดทนนานเป็นพิเศษ เพราะอากาศร้อน และเหงื่อจะออกมามากเน้นโทนสีน้ำตาล ซึ่งเหมาะกับสีผิวเราๆ พวกสีชมพูอมน้ำตาลหรือส้มอมน้ำตาลก็ใช้ได้เช่นกัน หรืออาจจะใช้เครื่องสำอางที่มีประกายมุกช่วยในจุดที่ต้องการเน้น เช่น ดวงตาหรือโหนกแก้ม
แต่ต้องระวังอย่าใช้ลิปสติกเป็นกลอสมากจนเกินไป เพราะเวลาถ่ายรูปออกมาแล้วดูไม่สวย และติดไม่ทนด้วย ส่วนสาวผิวคล้ำไม่แนะนำให้ใช้รองพื้นหรือแป้งสีอ่อน เพื่อให้หน้าดูสว่างขึ้น แต่ให้เล่นที่สีแต่งเปลือกตาหรือทาปาก เช่นใช้สีส้ม โทนสีพาสเทลประกายมุก หรือพวกน้ำตาลประกายทอง
ยังไงก็ตามถ้าไม่มั่นใจและไม่อยากแต่งหน้าเองก็ควรที่จะติดต่อมืออาชีพ มาช่วยโดยใช้บริการทำผมแต่งหน้า ตามร้านเสริมสวย ต้องย้ำสักนิดว่า ไม่เอาแบบ ”ไปออกงาน” เพราะทำแล้วเมกอัพจะมีลักษณะเข้มจัดแม้วันนี้จะเป็นวันที่เราอยากสวยก็จริง แต่การกล้าผมมวยสูงแบบเป็นทางการสุดๆจะดูแก่ไป และอย่าลืมให้เพื่อนสนิทหรือญาติสนิทคอยช่วยพกกระเป๋าเครื่องสำอางเล็กๆไว้เผื่อเราจะได้ซับหน้ายามฉุกเฉิน และประการด่านสุดท้าย คือ รอยยิ้ม “เราต้องยิ้มเข้าไว้” นั่นแหละ จะคือ เมคอัพที่สวยกว่าเมกอัพอะไรทั้งหมด เอ้า ใครอยากเป็นบัณฑิตที่มีหน้าตาสวยใส ไม่ซีดวันรับปริญญาก็ลองไปทำตามกันดูได้เลย
เอาล่ะ! ไหนๆ ก็ถึงวันแห่งเกียรติยศของชีวิตทั้งที แม้จะเหน็ดเหนื่อยเหงื่อตกกับอากาศร้อนขนาดไหนก็ตาม แต่เหล่าบัณฑิตทุกคนก็ยังคงยิ้มสู้กล้องชนิดนางงามยังอาย ฉะนั้นองค์ประกอบสำคัญของวันนี้ สิ่งหนึ่งจึงหนีไม่พ้นเรื่องของการตระเตรียมใบหน้าและการแต่งหน้าให้เหมาะสมกับวันรับปริญญา
ว่าแล้วว่าที่บัณฑิตทั้งหลายก็ลองติดตามเทคนิคการแต่งหน้าวันรับปริญญาที่เราเอามาฝากกันดู
เริ่มต้นที่ความเข้าใจกันก่อนเลยว่า สำหรับวันนี้ “เราควรแต่งหน้าให้ดูบางเบาเป็นธรรมชาติที่สุด” ควรจะทำให้ดูสวยสมวัยไม่ดูแก่ในสายตาของผู้ที่มาแสดงความยินดี แต่ต้องไม่อ่อนจนถ่ายรูปออกมาแล้วดูจืดสนิทเหมือนไม่แต่งหน้าเลย จากนั้นก็ต่อด้วยสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ คือเรื่องของครีมกันแดดที่จำเป็นต้องทาไว้ป้องกันผิวหนังคล้ำและทำให้เมคอัพติดทนนานได้
ส่วนเมคอัพที่ต้องติดทนนานตลอดทั้งวันนั้น คือ จะต้องนับตั้งแต่เช้ามืดที่ลุกขึ้นมาแต่งหน้าไปจนถึงช่วงถ่ายรูปกลางแดดจัดจนกระทั่งถึงตอนงานพิธีในห้องประชุม การที่เราต้องสลับการเดินเข้าๆ ออกๆในที่ร่มและกลางแจ้งแบบนี้ทำให้การดูแลเมกอัพเป็นเรื่องยาก ควรจะซับมันบ้าง
กลับมาเรื่องของการแต่งหน้าเน้นดูเป็นธรรมชาติ คือการที่แต่งโดยไม่ต้องเน้นสีสันหรือแต่งหน้าแนวแฟชั่นอย่าเลือกสีรองพื้นหรือแป้งที่เข้มหรืออ่อนกว่าผิวจริง เพราะเวลาถ่ายรูปจะดูหลอกหน้าลอย อย่าลืมลงรองพื้นหรือทาแป้งที่ลำคอด้วย
โดยเราต้องเลือกรองพื้นแบบกันน้ำ หรือแบบที่ติดทนนานเป็นพิเศษ เพราะอากาศร้อน และเหงื่อจะออกมามากเน้นโทนสีน้ำตาล ซึ่งเหมาะกับสีผิวเราๆ พวกสีชมพูอมน้ำตาลหรือส้มอมน้ำตาลก็ใช้ได้เช่นกัน หรืออาจจะใช้เครื่องสำอางที่มีประกายมุกช่วยในจุดที่ต้องการเน้น เช่น ดวงตาหรือโหนกแก้ม
แต่ต้องระวังอย่าใช้ลิปสติกเป็นกลอสมากจนเกินไป เพราะเวลาถ่ายรูปออกมาแล้วดูไม่สวย และติดไม่ทนด้วย ส่วนสาวผิวคล้ำไม่แนะนำให้ใช้รองพื้นหรือแป้งสีอ่อน เพื่อให้หน้าดูสว่างขึ้น แต่ให้เล่นที่สีแต่งเปลือกตาหรือทาปาก เช่นใช้สีส้ม โทนสีพาสเทลประกายมุก หรือพวกน้ำตาลประกายทอง
ยังไงก็ตามถ้าไม่มั่นใจและไม่อยากแต่งหน้าเองก็ควรที่จะติดต่อมืออาชีพ มาช่วยโดยใช้บริการทำผมแต่งหน้า ตามร้านเสริมสวย ต้องย้ำสักนิดว่า ไม่เอาแบบ ”ไปออกงาน” เพราะทำแล้วเมกอัพจะมีลักษณะเข้มจัดแม้วันนี้จะเป็นวันที่เราอยากสวยก็จริง แต่การกล้าผมมวยสูงแบบเป็นทางการสุดๆจะดูแก่ไป และอย่าลืมให้เพื่อนสนิทหรือญาติสนิทคอยช่วยพกกระเป๋าเครื่องสำอางเล็กๆไว้เผื่อเราจะได้ซับหน้ายามฉุกเฉิน และประการด่านสุดท้าย คือ รอยยิ้ม “เราต้องยิ้มเข้าไว้” นั่นแหละ จะคือ เมคอัพที่สวยกว่าเมกอัพอะไรทั้งหมด เอ้า ใครอยากเป็นบัณฑิตที่มีหน้าตาสวยใส ไม่ซีดวันรับปริญญาก็ลองไปทำตามกันดูได้เลย
No comments:
Post a Comment