
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ได้มีการใช้น้ำส้มสายชูในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น การใช้ดองผัก ใช้ฆ่าวัชพืช ใช้ล้างเครื่องทำกาแฟ ใช้ขัดเงาเครื่องเงิน และใช้เป็นส่วนผสมในการทำน้ำสลัด ซึ่งเร็ว ๆ นี้ ได้มีการนำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลหรือที่เรียกว่า "Apple Cider Vinegar" มาใช้ในการรักษาสุขภาพนอกเหนือจากการจำหน่ายเพื่อใช้เป็นเครื่องปรุงอาหาร แต่ก็ยังไม่ได้มีการศึกษาอย่างแน่ชัด ถึงแม้ว่ากรณีศึกษาบางตัวได้บอกว่าน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลสามารถช่วยรักษาหลายโรค เช่น เบาหวาน หรือ โรคอ้วน
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลจะสามารถทำให้สุขภาพดีขึ้นได้จริงหรือไม่ หรือ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลจะเหมาะกับการทำความสะอาดคราบสกปรกเพียงแค่นั้น ต่อไปจะได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล คืออะไร?
น้ำส้มสายชูเกิดจากกระบวนการหมัก กระบวนการนี้จะเกิดจากการที่น้ำตาลในอาหารถูกทำให้แตกตัวโดยแบคทีเรียและยีสต์ ในขั้นแรกน้ำตาลจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นแอลกอฮอล์ แล้วแอลกอฮอล์ก็จะหมักตัวต่อไปกลายเป็นน้ำส้มสายชู คำว่า ”vinegar” มาจากภาษาผรั่งเศส แปลว่า “ไวน์เปรี้ยว” โดยน้ำส้มสายชูหมักสามารถทำได้จากหลาย ๆ อย่าง เช่น ผลไม้ต่าง ๆ ผัก และเมล็ดข้าว ส่วนน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลนั้นทำำจากแอปเปิ้ลบดละเอียด
ส่วนประกอบหลักของน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล หรือน้ำส้มสายชูประเภทใด ๆ ก็ตามคือ กรดอะซิติก อย่างไรก็ตามส่วนประกอบของน้ำส้มสายชูก็จะมีกรดชนิดอื่น พร้อมทั้ง วิตามิน เกลือแร่และ อะมิโนเอซิดด้วย

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลสามารถรักษาได้ทุกโรคจริงหรือ
?มีการใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1950เป็นต้นมา หลังจากมีการเผยแพร่ในหนังสือที่ขายดีที่สุดเรื่อง Folk Medicine: A Vermont Doctor's Guide to Good Health by D. C. Jarvis. (หนทางสู่การมีสุขถาพดี โดย D.C. Jarvis) ในช่วงที่แพทย์ทางเลือกเป็นที่นิยมในช่วงที่ผ่านมา ยาที่ทำจากน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลก็เป็นอาหารเสริมยอดนิยมด้วยเช่นกัน
เมื่อดูจากฉลากอาหารเสริมหรือในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล คุณจะได้เห็นสรรพคุณที่มากมายของมัน น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลสามารถรักษาได้หลากหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดเหา ทำใ้ห้ดูอ่อนเยาว์ ช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้นและล้างพิษออกจากร่างกาย
แต่การกล่าวอ้างส่วนใหญ่นี้ไม่มีหลักฐานสนับสนุนชัดเจน ถึงแม้บางกรณีศึกษาได้มีการพิสูจน์แล้ว เช่น น้ำส้มสายชูสามารถกำจัดเหาและรักษาหูดได้ แต่ในบางกรณีน้ำส้มสายชูอาจจะใช้ไม่ได้ดีเท่ากับการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น น้ำสัมสายชูช่วยฆ่าเชื้อโรคได้แต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดีเท่ากับน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป ในขณะที่น้ำสัมสายชูอาจจะช่วยแผลจากการโดนแมงกะพรุนกัด แต่น้ำร้อนช่วยได้ดีกว่า
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
ทั้งนี้ได้มีการใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลในจุดประสงค์ต่าง ๆ ตามกรณีศึกษาบางตัว ดังนี้

-
การรักษาเบาหวาน
น้ำส้มสายชูมีผลต่อระดับกลูโคสในเลือดอาจจะเป็นการวิจัยที่ดีที่สุดที่สนับสนุนประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลที่เป็นไปได้ การศึกษา หลาย ๆ ชิ้นได้พบว่าน้ำส้มสายชู อาจจะช่วยลดระดับกลูโคส เช่น ในปี 2007 ได้มีการศึกษากับกลุ่มคน 11 คน ซึ่งเป็นเบาหวานประเภท 2 พบว่าการรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 2 ช้อนโต๊ะก่อนนอนจะช่วยลดระดับกลูโคสในตอนเช้า ประมาณ 4%-6% อย่างไรก็ตาม การศึกษาที่ทำนั้นได้ทดลองกับหนู จึงเร็วเกินไปที่จะทราบว่าจะได้ผลเช่นเดียวกันกับคนหรือไม่
-
คลอเรสเตอรอลสูง
ผลการศึกษาในปี 2006พบว่าน้ำส้มสายชูช่วยลดคลอเรสเตอรอลได้
-
ความดันเลือดและปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ

การศึกษากับหนูพบว่าน้ำส้มสายชูจะช่วยให้ความดันเลือดลดลง การศึกษาเกี่ยวกับระบาดวิทยาพบว่าคนที่กินน้ำมันและน้ำส้มสายชูที่ีใส่ในน้ำสลัด 5 ถึง 6 ครั้งต่ออาทิตย์มีอัตราการเป็นโรคหัวใจต่ำกว่าคนที่ไม่ได้กิน อย่างไรก็ตามก็ยังไม่ได้พิสูจน์อย่างแน่ชัดว่าน้ำส้มสายชูจะเป็นสาเหตุหลักที่ลดอัตราการเสี่ยงเป็นโรคดังกล่าว
-
มะเร็ง
การทดลองในห้องแล็บพบว่าน้ำส้มสายชูอาจจะช่วยทำลายเซลล์มะเร็งหรือทำให้เซลล์เหล่านี้เติบโตช้า การศึกษาเกี่ยวกับระบาดวิทยาในคนยังคงเป็นที่สงสัย บางคนว่าการกินน้ำส้มสายชูจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งหลอดอาหาร แต่การศึกษาบางตัวบ่งว่ามีส่วนสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
-
การลดน้ำหนัก

ในหลาย ๆ พันปีที่ผ่านมา น้ำส้มสายชูได้ถูกนำมาใช้ในการลดน้ำหนัก น้ำส้มสายชูขาว อาจจะช่วยให้รู้สึกอิ่ม ในการศึกษาเมื่อปี 2005กับคน 12 คน พบว่าคนที่ทานขนมปังกับน้ำส้มสายชูขาวปริมาณเล็กน้อยจะรู้สึกอิ่มกว่าและรู้สึกพึงพอใจมากกว่าคนที่กินแค่ขนมปัง
ในขณะที่ผลของการศึกษาบางกรณีทำกับสัตว์หรือเซลล์ในห้องแล็บ การทดลองกับคนเป็นเพียงการทดลองเพียงกลุ่มเล็ก ๆ และยังต้องอาศัยผลการศึกษาเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก
ควรจะใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลอย่างไร?
เนื่องจากยังไม่มีผลการพิสูจน์แน่ชัดว่าควรจะใช้อย่างไร บางคนจึงรับประทานวันละ 2 ช้อนโต๊ะโดยเอาไปผสมกับน้ำหรือน้ำผลไม้ 1 ถ้วย หรือบางคนอาจจะทานเป็นแคปซูลซึ่งมีปริมาณ 285 มิลลิกรัม โดยในบางครั้งอาจจะใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลไปประยุกต์ใช้กับผิวหนังหรือใช้ในการสวนทวาร ซึ่งความปลอดภัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้
มีข้อจำกัดในการรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลหรือไม่?
การรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลในปริมาณน้อยดูไม่ค่อยจะเป็นปัญหา แต่การรับประทานในระยะเวลานาน ๆ หรือปริมาณมาก ๆ อาจมีความเสี่ยงได้ ต่อไปนี้คือข้อควรระวังในการรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
- น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลมีความเป็นกรดสูง ส่วนประกอบหลักของน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลคือกรดอะซิติก ซึ่งค่อนข้างอันตราย การรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลจึุงควรจะมีการเจือจางกับน้ำหรือน้ำผลไม้ก่อนกลืน น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลบริสุทธิ์จะทำลายเคลือบฟันและเนื้อเยื่อในช่องคอและปาก กรณีศึกษาหนึ่งได้พบว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลที่เป็นแคปซูลติดอยู่ในช่องคอ ซึ่งทำให้หลอดอาหารได้รับความเสียหาย น้ำส้มสายชูยังเป็นสาเหตุุที่ทำให้เกิดแผลไหม้ที่ผิวหนังได้ด้วย
- การใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลนาน ๆ อาจทำให้ระดับโปแตสเซียมและมวลกระดูกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีระดับโปแตสเซียมต่ำอยู่แล้ว หรือเป็นโรคกระดูกพรุน ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
- น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลอาจจะส่งผลกับยาขับปัสสาวะ ยาระบาย หรือยาเกี่ยวกับเบาหวานและหัวใจ
- สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีโครเมียมซึ่งสามารถทำให้ระดับอินซูลินในร่างกายเปลี่ยนได้
การรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลในรูปอาหารเสริมเป็นแคปซูล แทนที่จะรับประทานในรูปของเหลว จะทำให้มีความเสีี่ยงมากขึ้น เพราะอาหารเสริมเหล่านี้ไม่ได้ถูกควบคุมโดยองค์การอาหารและยา และไม่มีการทดสอบถึงผลกระทบหรือความปลอดภัยของมัน ผลการวิจัยพบว่า

- ส่วนผสมที่ระบุบนกล่องมักไม่ตรงกับส่วนผสมจริงที่อยู่ในผลิตภัณฑ์
- ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างมาก
- ปริมาณที่แนะนำให้ใช้ในแต่ละยี่ห้อก็มีความแตกต่่างกันอย่างมากเช่นกัน
เราควรจะทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลหรือไม่?
คำตอบขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลอย่างไร ถ้าเป็นแค่ส่วนประกอบในน้ำสลัดก็สามารถทานได้ตามปกติ แต่ถ้าใช้ในการรักษาโรคก็อาจจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานเพียงพอในการพิสูจน์ว่าน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล หรือน้ำส้มสายชูใด ๆ มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง
ถ้าคุณกำลังคิดที่จะลองทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล คุณควรจะปรึกษาแพทย์ก่อน แพทย์ของคุณจะได้พิจารณาว่าการรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลนั้นจะส่งผลต่อสภาพร่างกายหรือยาที่คุณรับประทานอยู่หรือไม่ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีในกรณีที่เราเลือกรับประทานเอง









In addition to upping your fiber intake slowly, using over-the-counter enzymes (such as Beano) in pill or liquid drop form can work wonders — they help us break down and digest foods, which reduces gas and bloating. The trick is to take enzymes at the right time and in the right amount: They must be taken right before your first bite of food (if you take enzymes later in your meal, they won’t have enough time to work). For every half-cup of gas-forming food you need one pill or five drops; so, for most meals, you have to use two to three pills or 10 to 15 drops.
Many people think they are in great shape, but because they focus solely on one activity, whether it's running or cross-country skiing, they may be fooling themselves. In fact, they might be setting themselves up for physical injury: When the body does just one type of activity, the physical challenge tends to wane over time and the lack of variety in movement creates muscular imbalances that make it easier to get hurt.
What womens swimsuit fashion is best and most flattering for your body type

