1. ความถี่ที่เหมาะสมในการใช้สครับ คือ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อเปิดโอกาสให้กระบวนการผลิตเซลล์ผิวใหม่ได้ทำงานในการสร้างเซลล์ผิวขึ้นมา ทดแทนเซลล์ที่สูญเสียไป
2. ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการสครับผิวหน้ามากที่สุด คือ เวลากลางคืน เพราะในขณะที่เราหลับผิวจะได้รับการซ่อมแซมและฟื้นตัวจากการสูญเสียน้ำมันหลังจากการสครับ
3. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิวที่มีเนื้อขรุขระ โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม สกัดจากพืชประเภทข้าว เพราะเม็ดสครับที่ได้จะมีขนาดที่เล็กกว่า จึงไม่ขีดข่วนและทำอันตรายต่อผิว ทั้งนี้ การวิจัยเชิงเคมีของ The International Dermal Institute ยังระบุว่ากรดไฟติกและกรดเฟอรูลิค ซึ่งเป็นส่วนผสมในรำข้าวจะช่วยย่อยสลายเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนละมุน ในขณะเดียวกันก็จะช่วยเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผิวจึงเนียนใส มีสุขภาพดี ซึ่งเป็นเคล็ดลับการดูแลผิวของชาวญี่ปุ่นมาแต่โบราณ
นอกจากนี้ การใช้สำลีแผ่น หรือการถูผลิตภัณฑ์สครับลงบนมือที่เปียกน้ำก่อนนำไปขัดผิวหน้าอย่างเบาๆ ยังสามารถช่วยลดการเสียดสีของเม็ดสครับกับผิวได้อีกด้วย
4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น นั่นคือ หากใช้ผลิตภัณฑ์ ที่เป็นกายภาพ ก็ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเคมีควบคู่กันไป เพื่อหลีกเลี่ยงการขจัดเซลล์ผิว ในปริมาณที่มากเกินไป
5. สำหรับคนที่มีปัญหาผิวเป็นสิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไกรโคลิค (AHA) หรือซาลิไซลิค (BHA) ซึ่งมีการวิจัยพบว่าสารทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่เพียงช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจน รวมถึงกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และชะลอกระบวนการผลิตเม็ดสีผิวอีกด้วย แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สครับที่ออกแบบโดยเฉพาะสำหรับผิวเป็นสิว
6. หากรู้ว่าต้องไปในสถานที่ที่มีแดดจัด เช่น ชายทะเล ควรหลีกเลี่ยงการสครับผิวอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
7. หลังจากสครับผิว สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่าของสารป้องกันแสงแดดไม่ต่ำกว่า SPF 15
8. สำหรับผู้ที่ใช้บริการผลัดเซลล์ผิวตามศูนย์บริการด้านความงามต่างๆ ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ ผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อย 2 วัน และต้องไม่ลืมที่จะปกป้องผิวด้วยผลิตภัณฑ์กันแดด และทางที่ดีควรอยู่ในที่ร่มเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
No comments:
Post a Comment